10 สิงหาคม 2552

นวตกรรม web 2.0 - - YouTube














YouTube


คือเว็บ Video Sharing Web Sites คือเว็บไซต์ที่มีลักษณะเปิดให้ใครก็ได้นำคลิปวิดีโอที่ตนมีอยู่ไปฝากไว้ และสามารถนำฟังก์ชันต่างๆ ที่เว็บสร้างขึ้นมาไปช่วยในการเผยแพร่คลิปนั้นๆ ซึ่งปัจจุบันมีเว็บประเภทนี้มากมาย แต่ที่โด่งดังจนเป็นที่รู้จัก และทำให้คนทั่วโลกหันมาให้ความสนใจกับการสร้างคลิปวิดีโอสู่ที่สาธารณะ เราต้องยกเครดิตนี้ให้กับเว็บที่ชื่อว่า YouTube


YouTube เป็นเว็บไซต์สำหรับแลกเปลี่ยนวิดีโอที่มีชื่อเสียงมากที่สุด ที่สำคัญคือไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆในการฝากวิดีโอ ทุกอย่างฟรี โดยในเว็บไซต์นี้ ผู้ใช้สามารถใส่วิดีโอเข้าไป หรือเปิดดูภาพวิดีโอที่มีอยู่ และแบ่งภาพวิดีโอเหล่านี้ให้คนอื่นดูได้ด้วย


ซึ่งเราสามารถนำเอาข้อดีจุดนี้มาใช้ในการศึกษาของเรา โดยการอัปโหลดคลิปวิดีโอขณะที่ตัวเองกำลังพูดหรือสอนเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ซึ่งเรียกได้ว่านี่คือระบบ E-Learning ที่ใครๆ ก็สามารถเป็นอาจารย์ให้กับคนทั่วโลกได้ เพียงแค่มีคอมพิวเตอร์และกล้องถ่ายวิดีโอค่ะ


การใช้สื่อรูปแบบนี้เป็นระบบเรียนรู้แบบเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางได้อย่าง ดี เนื่องจากผู้เรียนเป็นผู้เลือกและควบคุมการเรียนรู้ด้วยตนเอง พร้อมๆ กับมีความรู้สึกสนุกสนาน โดยสามารถสรุปประโยชน์ได้ดังนี้


• สนองต่อผู้เรียนทุกระดับ ทุกคน


• ผู้เรียนเลือกเรียนได้ตามต้องการ และเวลาที่ตนพอใจ


• กำหนดรูปแบบการนำเสนอที่ดีที่สุดของแต่ละหัวข้อ


• เนื้อหาการสอน มาจากครูและผู้เชี่ยวชาญมากกว่า 1 คน ทำให้ได้เนื้อหาที่สมบูรณ์ หลากหลาย


• สร้างรูปแบบการเรียนแบบ "สร้างสรรค์" ผู้เรียนสามารถสร้างหัวข้อต่างๆ ประกอบการเรียนได้อิสระ สามารถกำหนดระดับความคิด ตามความถนัดของตนเอง


• ก่อให้เกิดกิจกรรมการแก้ปัญหาภายในกลุ่มได้


• สามารถนำเทคโนโลยีใหม่ๆ รูปแบบอื่น มาผสมร่วมได้ง่าย

นวตกรรม web 2.0 - - RSS

















RSS หรือ Really Simple Syndication (RSS แต่ก่อนเรียกว่า RDF Site Summary ซึ่ง RDF ย่อมาจาก Resource Description Framework เป็น ประเภทหนึ่งของ web feeds มีรูปแบบข้อมูล XML ใช้กระจายข้อมูลที่มีการเพิ่มเติม หรือเปลี่ยนแปลงบ่อยๆจากเว็บไซต์ (web syndication) และบล็อก


RSS จะช่วยคัดลอกข้อมูลในเว็บไซต์และ weblog ต่าง ๆ ที่สนับสนุน RSS Feeds โดย RSS Reader จะดึงข่าวมาอัตโนมัติ ชนิดที่เรียกว่า Real-Time จริง ๆ พอ Update ปุ๊บก็เห็นปั๊บเลยครับ เว็บไซต์แต่ละแห่งอาจมีระยะความถี่ในการอัปเดทไม่เท่ากัน RSS จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถรับข่าวสารอัปเดทใหม่ได้โดยไม่ต้องเข้าไปดูทุกครั้งให้เสียเวลา ได้ประโยชน์ทั้งฝ่ายผู้บริโภคและฝ่ายเจ้าของเว็บไซต์ RSS ถูกนำมาประยุกต์ใช้เป็นรูปแบบกลางในการบริหารข้อมูลทางธุรกิจ และมีการแข่งขันกันสูง โดยเฉพาะธุรกิจที่มี การแชร์ข้อมูล เช่น เว็บไซต์ข่าว เว็บล็อก ซึ่งจะมีการแสดงข้อมูลบนหน้าต่างพรีวิวแยกต่างหาก เพื่อให้ผู้ใช้ไม่สับสน รวมถึง สามารถสืบค้นข้อมูลได้


ตัวอย่างโปรแกรม RSS Reader ที่มีให้บริการ


โปรแกรม RSS Reader เป็น Stand Alone Application

Download ได้ที่ http://www.rssreader.com


โปรแกรม RSS Reader เป็น PHP Script

Download ได้ที่ http://www.naxza.com/lastRSS.zip


โปรแกรม RSS Bandit Reader

Download ได้ที่ http://www.rssbandit.com


โปรแกรม RSS Reader ตัวนี้ Feature ไม่เยอะ

Download ได้ที่ http://www.sharpreader.net


ข้อดีของ RSS


RSS ช่วยลดข้อจำกัดในการคัดลอกข้อมูลในเว็บไซต์ โดยเฉพาะกรณีการละเมิด ลิขสิทธิ์ขณะที่ผู้สร้างไม่ต้องเสียเวลาทำหน้าเพจแสดงข่าว ซึ่งต้องทำทุกครั้งเมื่อ ต้องการเพิ่มข่าว โดย RSS จะดึงข่าวมาอัตโนมัติ ทำให้ข้อมูลในเว็บไซต์เป็น ศูนย์กลางมากขึ้น


จุดเด่นของ RSS คือ ผู้ใช้จะไม่จำเป็นต้องเข้าไปตามเว็บไซต์ต่างๆ เพื่อดูว่ามีข้อมูล อัพเดทใหม่หรือไม่ ขณะที่เว็บไซต์แต่ละแห่งอาจมีระยะความถี่ในการอัพเดท ไม่เท่ากัน บางครั้งผู้ใช้ยังอาจหลงลืมจนเข้าไปดูเนื้อหาอัพเดทใหม่บนเว็บไซต์ ไม่ครบถ้วน รูปแบบ RSS จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถรับข่าวสารอัพเดทใหม่ได้ โดยไม่ต้องเข้าไปดูทุกครั้งให้เสียเวลา ซึ่งจะได้ประโยชน์ทั้งฝ่ายผู้บริโภคและ ฝ่ายเจ้าของเว็บไซต์


วิธีใช้งาน


ใช้บริการจากเว็บไซต์ประเภท Web News Reader ซึ่งเว็บไซต์ประเภทนี้จะให้บริการเกี่ยวกับการสร้างเว็บไซต์ส่วนบุคคล โดยมีส่วนที่ให้เราสามารถเพิ่มข่าว RSS Feed ต่างๆ ที่เราต้องการเข้าไปได้ เช่น My MSN Space, Bloglines, My Yahoo! เป็นต้น โดยการนำ Link ของหัวข้อข่าวที่เราสนใจไปติดที่เว็บไซต์ได้ทันที


ใช้เป็นโปรแกรมในการอ่านข่าวโดยตรง คือ RSS/News Aggregators หรือเรียกสั้นๆ ว่า RSS Readers เป็นโปรแกรมที่สามารถอ่านและดึงข้อมูลข่าวในรูปแบบ RSS Feeds ซึ่งกรณีนี้จำเป็นที่จะต้องติดตั้งโปรแกรมเพื่อใช้งานก่อน โปรแกรมที่นิยมใช้คือ RSS Reader, Sharp Reader, RSS Bandit เป็นต้น ซึ่งเมื่อมีข้อความใหม่เข้ามา จะมีการเตือนเป็นสัญลักษณ์เล็กๆ บน system tray เราก็สามารถคลิกเข้าไปในหัวข้อที่เราสนใจได้ทันที


การใช้บริการผ่านมือถือก็จำเป็นต้องติดตั้งโปรแกรมเพื่อใช้อ่านเหมือนกับการใช้บริการบนคอมพิวเตอร์ทั่วไป

7 สิงหาคม 2552

มารู้จัก Adobe AIR กัน

หลายคนคงงง กับ Adobe AIR ว่ามันคืออะไร มัความสัมพันธ์ยังไงกับพวก Adobe CS3 หรือพวก Photoshop, Flash, Illustrator, inDesign


Adobe AIRเป็นน้องเล็กที่จะรวมความสามารถของพี่ๆ มาใช้งานให้กับเราได้อย่างดี และมีประโยชน์สูงสุด
Adobe AIR แต่ก่อนนั้นเขาชื่อ Adobe Apollo ฟังดูแล้วยากไปอวกาศ ชื่อดูห่างไกลจากโลกมนุษย์ของเราโดยแท้ ทางต้นสังกัด เลยตัดสินใจเป็นเป็นสิ่งที่อยู่ในใจมนุษย์อย่างเราๆ ท่านนั้นก็คือ อากาศ (ใครขาดอากาศได้ถือว่าเก่งมากๆ) จึงเปลี่ยนเป็น Adobe AIR โดยมีชื่อเต็มยศว่า Adobe® Integrated Runtime (AIR) นั้นเอง โดย Adobe AIR เองจะทำหน้าที่เป็นตัวทำ Rich Internet Application(RIA) โดยใช้ทักษะที่มีของเหล่า web programmer โดยเฉพาะกลุ่มที่ถนัดเครื่องมือจำพวก HTML, JavaScript, Ajax, Flash, แล้วก็ Flex (ยังงัยก็ต้องมี Tool ของ Adobe ด้วย) สามารถสร้างโปรแกรมใช้งานต่างๆ ที่วิ่งวุ่นบนอินเทอร์เน็ต ลงมาสู่เครื่องเดสทอปส์แบบไม่สนใจเครื่องแม่ข่าย (Server) เรียกได้ว่าเขียนครั้งเดียวได้สองต่อ
อีกทั้งในปัจจุบัน Adobe AIR ยังสามารถข้ามไปทำงานในฟัง Linux ได้อีกด้วย อะไรมันจะดีปานนั้น สนในสามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้ที่ Adobe.com ได้เลย

calendar